รีวิวเรียน MBA ไต้หวันที่ National Chengchi University(NCCU) โดย P’Nuch
1.) แนะนำตัวให้รู้จักกันหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ นุชนะคะ กำลังเรียน IMBA ที่ National Chengchi University ค่ะ
2.) ทำไมถึงเลือกเรียนคณะ/สาขานี้?
จริงๆ เรียนจบนิติศาสตร์มา หลังเรียนจบเราได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดผู้บริหารตั้งแต่เป็น First Jobber ทำให้ได้เห็นมุมมอง วิธีการทำงานของผู้บริหารทั้งบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งเรารู้สึกว่าผู้บริหารที้เราได้มีโอกาสสัมผัสทุกท่านมีมุมมองมีความคิดที่แตกต่างและมองเห็นภาพทั้งมุมกว้างและรายละเอียดพร้อมๆ กัน จึงทำให้สนใจอยากเรียนรู้ด้านบริหารธุรกิจต่อค่ะ
3.) การเรียนการสอนที่ National Chengchi University เป็นอย่างไรบ้าง?
IMBA NCCU จะเน้นปูพื้นฐานโดยรวมให้เราเห็นภาพกว้างในวิชาบังคับ ในส่วนของวิชาเลือก มีให้เลือกหลากหลายมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Marketing, Entrepreneurship, Finance และ Management in asia ซึ่งแต่ละคลาสเรียนที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่มาก นักศึกษาในคลาสนึงไม่เยอะจนเกินไป ทุกคนจึงมีโอกาสแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้มากขึ้น การเรียนการสอนส่วนใหญ่จะเน้น Case study ให้เราได้เรียนรู้และถอดบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้เราเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นค่ะ
4.) Assignment เป็นยังไงบ้างคะ พรีเซนต์เยอะมั้ย?
Assignment ที่นี่จะเน้นให้เราวิเคราะห์และตอบคำถามจาก Case study เป็นหลักค่ะ ซึ่งส่วนตัวนุชคิดว่ามีประโยชน์มาก เพราะเราได้เรียนรู้จากปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เรียนรู้ว่าแต่ละเคสมีการแก้ปัญหาอย่างไร บริษัทใหญ่ระดับโลกที่เคยพบปัญหาในรูปแบบต่างๆ มี Crisis Management อย่างไร วิธีการจัดการในรูปแบบต่างๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งบางครั้งการเรียนตามหนังสือ ตามทฤษฎีเราก็นึกภาพไม่ออกว่าในโลกธุรกิจจริงๆ เป็นอย่างไร หรือบางทีถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาจริงๆ เราจะนำทฤษฎีที่เคยเลยในหนังสือมาปรับใช้อย่างไร ปรับใช้ได้จริงหรือไม่ การเรียนจาก Case Study บวกกับคำอธิบายของอาจารย์ทำให้เราเข้าใจการดำเนินธุรกิจในแต่ละพาร์ทได้มากขึ้นค่ะ ส่วนการพรีเซนต์ ที่นี่มีพรีเซนต์เยอะพอสมควรเลยค่ะ ในทุกวิชาอย่างน้อยจะต้องมีการพรีเซนต์หนึ่งครั้ง ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปโปรเจคต์ เพื่อฝึกให้เราทำงานร่วมกับคนอื่น มีทั้งฝึกให้เราหาวิธีการแก้ปัญหา ให้วิเคราะห์ ให้ถอดบทเรียน การเก็บสถิติ เก็บข้อมูล หรือให้สร้าง Business Model ส่วนตัวที่รู้สึกชอบมาก คือ อาจารย์ทุกท่านพร้อมจะให้คำแนะนำ ชี้ให้เราเห็นถึงจุดที่พลาดไป และอธิบายให้เราเข้าใจอย่างใจเย็น ถ้าจุดไหนที่ทำได้ดีก็มีคำชมให้เสมอ ทำให้บรรยากาศในการพรีเซนต์แต่ละครั้งไม่กดดันเลยค่ะ
5.) บรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง คนเรียนเยอะมั้ย เพื่อนๆมีชาติอะไรบ้าง?
IMBA รับนักศึกษาปีละประมาณ 50 – 60 คน ทำให้ทุกคนรู้จักกันหมด เป็นนักศึกษาต่างชาติประมาณ 50% เลยค่ะ มีหลายเชื้อชาติมาก ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา บางคนมาจากประเทศที่เราไม่คุ้นเลยก็มี ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ เยอะมากๆ และทุกคนมี Background การทำงานต่างกัน ประสบการณ์ต่างกัน มุมมองความคิดต่างกัน การที่เราได้เรียน ได้ทำงานร่วมกันคนจากหลายชาติช่วยทำให้เราเปิดกว้างทางความคิดและช่วยเรื่องการปรับตัวการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีมากค่ะ เราได้ข้อมูล ได้เรียนรู้ประสบการณ์ ได้ความรู้ที่เราไม่มีทางรู้เลยหากไม่ได้ลองทำงานในประเทศนั้นๆ เพื่อนๆ ทุกคนไนซ์และพร้อมปรับตัวเข้าหากันและพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้มากๆ ค่ะ
6.) อาจารย์ที่สอนเป็นยังไงบ้างคะ?
อาจารย์ทุกท่านจะคอยกระตุ้นให้เราแสดงความคิดเห็น กระตุ้นให้เรามีความกล้าแสดงออกมากขึ้น แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกกดดัน หากไม่เข้าใจตรงไหนสามารถถามได้ทันที หรือขอให้อธิบายใหม่ได้เลยค่ะ อาจารย์แต่ละท่านพร้อมที่จะอธิบายใหม่อย่างใจเย็น แต่ถ้าใครไม่กล้าถามระหว่างเรียนจะเก็บไว้ถามช่วงเบรคหรือหลังเลิกคลาสอาจารย์ทุกท่านก็ยินดีตอบและให้คำปรึกษาตลอดค่ะ หรือหากใครมีเรื่องสงสัยนอกบทเรียน อยากจะขอคำปรึกษา ก็สามารถขอคำแนะนำจากอาจารย์ได้เช่นกันค่ะ ยิ่งถ้าใครมีแพลนธุรกิจของตัวเอง เรียกว่าได้สิทธิพิเศษที่จะได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญฟรีๆ เลยค่ะ อาจารย์บางท่านมาจากอเมริกา บางท่านมาจากเกาหลี บางท่านทำงานที่จีน ทำให้เราได้เรียนรู้มุมมองธุรกิจจากหลากหลายประเทศ นอกจากนี้ IMBA ยังมักจะเชิญนักธุรกิจจากหลายบริษัทระดับโลกมาบรรยาย ทำให้เราได้เรียนรู้มุมมองการบริหาร การใช้ชีวิต หรือวิธีการทำงานของนักธุรกิจจากหลากหลายวงการ ช่วยให้เราเข้าใจการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้นค่ะ
7.) กิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียนในห้องมีอะไรบ้างคะ?
ที่ NCCU มีชมรมให้เข้าร่วมเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา การเต้น ดนตรี ไปจนถึงด้านวัฒนธรรมศาสนาก็มี ในส่วนของ IMBA เอง จะเน้นกิจกรรมที่ให้นักศึกษาทุกคนได้มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน เช่น MultiCultural Night ที่จะจัดให้ทุกคนได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันทั้งด้านอาหาร ภาษา วัฒนธรรม หรือ Fun facts ที่ทุกคนอยากจะแชร์ มีการจัดกิจกรรมให้ศิษย์ปัจจุบันได้มีโอกาสเจอกับศิษย์เก่าทำให้เรามีโอกาสได้สร้างคอนเนคชั่นนอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ เช่น ปาร์ตี้ฮาโลวีน ปาร์ตี้วันคริสมาสต์ค่ะ หรือถ้านักศึกษาอยากจะนัดรวมตัวกันก็สามารถใช้ Student lounge ของทางคณะได้เลยค่ะ มีโปรเจคเตอร์ มีบอร์ดเกมให้เล่น ใครอยากรวมตัวกันจัดกิจกรรมเล็กๆ ก็สามารถทำได้เลยค่ะ
8.) อยากให้เล่าประสบการณ์แคมป์ต้อนรับนักศึกษาใหม่ freshmen orientation หน่อยค่ะ สนุกไหม?
นักศึกษาใหม่ของ IMBA ทุกคนจะต้องเข้าร่วม Leadership and Team building ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นวิชาบังคับที่จะจัดนอกสถานที่เป็นเวลาสามวันสองคืน จะเป็นวิชาแรกที่นักศึกษาใหม่จะได้เรียน และได้เจอกับเพื่อนๆ ในรุ่นเป็นครั้งแรก ทางคณะ Balance การเรียน กิจกรรม Ice breaking และการท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมไต้หวันได้ดีมากค่ะ ทางคณะจะแบ่งช่วงเวลาให้เราได้เรียนรู้จาก Case study ที่น่าสนใจ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น พาเราไปเที่ยว เรียนรู้วัฒนธรรมของไต้หวัน เช่น ฝึกการแสดงงิ้วขั้นพื้นฐานง่ายๆ ได้ลองใส่ชุดการแสดง ช่วงเวลาหลังกิจกรรมทั้งหมดในแต่ละวันทางคณะก็จะให้เราได้มี Free time สังสรรค์กับเพื่อนๆ พูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันได้อย่างอิสระค่ะ การดูแลเรื่องที่อยู่อาหารการกิน เรียกได้ว่ากินหรูอยู่สบายค่ะ พักในโรงแรม อาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์ มีอาหารให้เราเลือกได้หลากหลาย บางมื้อจะจัดโต๊ะให้เราได้นั่งร่วมกับอาจารย์และมีโอกาสได้พูดคุยกับแต่ละท่านค่ะ
9.) รีวิวมหาวิทยาลัย National Chengchi University
-
สาขา MBA มีให้เลือกหลายมหาวิทยาลัย ทำไมถึงเลือกที่ NCCU คะ?
จริงๆ ตอนแรกที่หาข้อมูลไว้ก็จะมี GMBA ของ NTU และ IMBA ของ NCCU ค่ะ ซึ่งทั้งสองที่ก็ถือว่าเป็น Business School ที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ของไต้หวัน แต่ IMBA จะมีวิชาเลือกเยอะกว่า มีวิชาบังคับที่ต้องลงน้อยกว่า ทำให้เรามีโอกาสได้เลือกเรียนสิ่งที่สนใจหลากหลายกว่า บวกกับได้ทุนพอดีเลยตัดสินใจเลือก IMBA ค่ะ -
Facility หรือจุดไหนของมหาวิทยาลัยที่เราชอบที่สุดคะ?
ห้องสมุดค่ะ ที่ NCCU มีห้องสมุดกลางสองแห่ง นุชจะชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ Dah Hsian ซึ่งเป็นห้องสมุดใหม่ของทางมหาวิทยาลัย บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ สามารถมองเห็นวิวภูเขา เห็น Maokong Gondola มี Facility ครบคันทั้งโต๊ะอ่านหนังสือส่วนตัว ห้องส่วนตัว ห้องประชุม พื้นที่นั่งพัก Co-working space มีห้องจัดแสดงนิทรรศการเล็กๆ ที่จะหมุนเวียนนิทรรศการไปเรื่อยๆ และยังมีพื้นที่ให้เล่นเกม Play station ด้วย วันว่างๆ ไม่ได้ออกไปไหนสามารถนั่งเล่นที่ห้องสมุดได้สบายๆ เลยค่ะ
-
รีวิวหอในนักศึกษาปริญญาโทหน่อยค่ะ
หอในปริญญาโทที่นี่เป็นห้องสำหรับสองคน ห้องขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็สามารถอยู่ได้สบายค่ะ มีพื้นที่ครัวส่วนกลาง หากใครอยากจะทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถมาใช้ครัวทำอาหาร หรือมานั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนได้ค่ะ มีห้องอ่านหนังสือ ห้องประชุมให้ภายในตึก มีโรงอาหารเล็กๆ มีคาเฟ่ มี Lounge และร้านสะดวกซื้อ ถ้าวันไหนไม่อยากออกจากหอก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่ลำบากเลยค่ะ มหาวิยาลัย NCCU ตั้งอยู่ใกล้สวนสัตว์ไทเปและเมาคง พื้นที่มหาลัยจึงเป็นพื้นที่เขา หอในของนักศึกษาปริญญาโทจะอยู่บนเขา วิวจากหอมองลงไปเป็นภูเขา มองเห็นตึกไทเป 101 เห็นวิวเมืองไทเปด้วยค่ะ
-
ได้เข้าร่วมชมรมอะไรบ้างมั้ย?
ไม่เชิงเป็นชมรม นุชเข้าร่วม IMBA Student council ค่ะ ซึ่งจะรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของคณะ และ IMBA Oath Club ซึ่งทำหน้าที่จัดกิจกรรมจิตอาสาและอาสาสมัคร เนื่องจากนักศึกษา IMBA จะต้องเก็บชั่วโมงจิตอาสาให้ครบตามกำหนดด้วย ทาง Oath Club ก็จะเข้ามาช่วยจัดกิจกรรมและติดต่อองค์กรต่างๆ ให้ค่ะ ซึ่งกิจกรรมมีหลากหลายมากทั้ง ตั้งแต่ช่วยกันทำความสะอาด Rabbit Shelter นำของไปบริจาค Beach cleaning ไปดูแลและเล่นกับเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้า ไปจนถึงกิจกรรมอาสาสมัครร่วมเล่นบาสเก็ตบอลกับกลุ่มเด็กออทิสติก ซึ่งเราพยายามจัดหากิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้ทุกคนค่ะ
-
App ของมหาวิทยาลัยใช้ทำอะไรได้บ้าง?
แอปพลิเคชั่นของมหาลัยจะมีข้อมูลแทบทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งตารางเรียน ตารางเวลารสบัสที่วิ่งรับส่งนักศึกษารอบมหาวิทยาลัย บริการจองห้องประชุม หรือจองเกมโซนในห้องสมุด แผนที่มหาวิทยาลัย เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับดาวน์โหลด Materials ในการเรียน ไปจนถึงมีข้อมูลเบอร์โทรติดต่อหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วยค่ะ
10.) รีวิวไต้หวันหน่อย
-
การมาเรียนต่อที่ไต้หวันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
อย่างแรกเลยคือการปรับตัวเข้ากับคนอื่นค่ะ เหมือนเริ่มใหม่เลย เพราะที่ผ่านมาเราจะเจอกับเพื่อนคนไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่มาอยู่ที่นี่เจอคนหลากหลายชาติ ต้องเรียนรู้หลายๆ อย่าง การปรับตัวเข้าหากัน การหาตรงกลางสำหรับกลุ่มคนที่มาจากหลายชาติจะยากกว่าการที่เราปรับตัวเข้าหาเพื่อนๆ คนไทย ซึ่งมันทำให้เราเปิดกว้างขึ้นมากๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม มุมมองความคิดที่บางครั้งก็ต่างจากของเรา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ลองทำความเข้าใจความคิดเห็นจากคนที่มีประสบการณ์ เติบโตมาในสังคมที่ต่างจากเราค่ะ อีกหนึ่งอย่างที่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปคือเป็นคนตื่นตัวมากขึ้น เพราะที่นี่มีแผ่นดินไหว มีพายุ บางครั้งลมแรงด้วย ที่ไทยเราไม่ค่อยมีภัยพิบัติรุนแรง เราเลยไม่ค่อยได้ระวังตัวมาก ตอนที่เจอแผ่นดินไหวครั้งแรกไม่รู้เลยว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มันทำให้เราคอยสังเกตสิ่งรอบข้างมากขึ้น ศึกษาวิธีการปฏิบัติตัว ติดตามข่าว และคอยฟัง sms แจ้งเตือนจากทางการตลอดค่ะ
11.) รีวิวย่านสถานีสวนสัตว์ไทเป (MRT Taipei Zoo) เขตธรรมชาติที่สวยที่สุดของไทเป
ย่านสวนสัตว์ไทเปจะอยู่ห่างออกมาจากกลางเมืองไทเป และอยู่ใกล้กับเมาคง ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวไต้หวันแนะนำให้ลองมานั่งกระเช้าชมวิวดูนะคะ ขึ้นไปถึงยอดเขามองลงไปเห็นวิวเป็นเมืองไทเปทั้งเมือง ธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามมากๆ เป็นแหล่งธรรมชาติที่การเดินทางสะดวก อยู่ใกล้เมือง นั่งรถไฟฟ้ามาถึงเลย มีร้านอาหาร มีคาเฟ่ มีแหล่งท่องเที่ยวครบ แต่ยังสามารถรักษาความสวยงามของธรรมชาติไว้ได้ดีมากๆ หรือใครชอบเดินเขา มีทางเดินจากในมหาวิทยาลัย NCCU เชื่อมไปเมาคงด้วยนะคะ พอเดินขึ้นถึงยอดเขา นั่งกระเช้ามาเที่ยวสวนสัตว์ไทเปต่อได้เลย สะดวกมากๆ
12.) การใช้ชีวิตในเมืองนี้สะดวกสบายดีมั้ยคะ?
ไต้หวันเป็นประเทศที่ปลอดภัยมากค่ะ เราสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถเมล์ รถสาธารณะ หรือเดินไปทุกที่โดยที่ไม่ต้องรู้สึกกังวลเลยในทุกช่วงเวลา จะเป็นตอนกลางคืนดึกๆ ก็ยังปลอดภัย การเดินทางสะดวกมากๆ ไม่ใช่แค่ในไทเป แต่ในเมืองอื่นๆ ด้วย ถ้าอยากจะไปเที่ยวต่างเมือง จะเลือกนั่งรถบัสหรือนั่งรถไฟความเร็วสูงไปใช้เวลาแป๊บเดียว สะดวกมากค่ะ แต่ที่รู้สึกต้องปรับก็คงเป็นเรื่องที่ร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดช่วงบ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็น และสถานที่ส่วนใหญ่มักจะปิดวันจันทร์ค่ะ ทำให้อาจจะต้องแพลนเวลาดีๆ เวลาไปเที่ยว เช็คให้ดีก่อนว่าที่ที่เราจะไปเปิดหรือไม่ ปิดเวลาไหนบ้าง บางที่ไม่ต้องจองก่อนเท่านั้น
13.) รีวิวแหล่งการใช้ชีวิต ร้านค้าซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันหรือแหล่ง Shopping ในเมืองให้ฟังหน่อยค่ะ
จริงๆ ของใช้ในชีวิตประจำวันจะมีขายครบทุกอย่างที่ร้านสะดวกซื้อใต้หอเลยค่ะ แต่ส่วนตัวนุชส่วนใหญ่จะซื้อของใช้ที่ Carrefour เพราะราคาถูกกว่า นั่งรถเมล์จากมหาลัยไปแค่ประมาณ 10 -15 นาที และที่ Taipei city mall จะมีร้านขายของจากอาเซียน นุชก็จะไปซื้อขนมหรือมาม่าจากร้านนี้มาไว้ค่ะเวลาอยากกิน แหล่งช้อปปิ้งคนส่วนใหญ่ก็คงจะรู้จัก Ximen หรือ Xinyi (บริเวณตึกไทเป 101) กัน แต่ส่วนใหญ่นุชจะสลับไปหลายๆ ที่ ออกไปเที่ยวย่านช้อปปิ้งใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยไป ไปเดินเล่น ไปหาของกินในที่ใหม่ๆ เนื่องจากในไทเปมีห้างสรรพสินค้าแลพแหล่งช้อปปิ้งหลายที่ แต่ละที่มีทั้งร้านแบรนด์เนม ร้านแบรนด์โลคอล ร้านขนม ร้านอาหารครบไม่ต่างจากแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองเลยค่ะ
14.) ได้ไปเที่ยวเมืองอื่นบ้างไหม ไหนรีวิวหน่อย?
ที่นุชได้มีโอกาสไปเที่ยวมาแล้วก็จะมีเมืองทางใต้ เกาสง เป็นเมืองท่า ไถหนาน ที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เจียอี้ ก็จะเป็นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันก็คงเป็นอาลีซาน เมืองใกล้ไทเปอย่าง อี้หลาน นิวไทเป เถาหยวน จีหลง ก็มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมากๆ ค่ะ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อะควาเรียม แหล่งช้อปปิ้ง และอื่นๆ แล้วก็เมืองไทจง ที่หลายๆ คน น่าจะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวและอาจจะเคยมาเที่ยวกันแล้วอย่าง Sun Moon Lake ค่ะ แต่ละเมืองก็จะมีเสน่ห์แตกต่างกันไป มีสถานที่ท่องเที่ยงอีกหลายที่หลายเมืองเลยค่ะที่นุชยังไม่ได้ไป ถ้ามีโอกาสก็อยากไปให้ครบเหมือนกัน
15.) แล้วในบรรดาเมืองที่เคยไปมา ชอบเมืองไหนของไต้หวันมากที่สุด
ที่ชอบที่สุดคงเป็นเกาสงค่ะ เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ที่นี่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ศิลปะ แหล่งช้อปปิ้ง สถาปัตยกรรมสวยๆ นั่งเรือไปเกาะใกล้ๆ ก็มีที่ท่องเที่ยวมีกิจกรรมให้ทำเยอะเลยค่ะ ได้เที่ยวครบในเมืองเดียว
การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ พี่มิว
1.) ใช้เวลาเตรียมตัวเรียนต่อนานมั้ยคะ
ส่วนตัวใช้เวลาตัดสินใจนานกว่าการเตรียมตัวค่ะ ค่อนข้างคิดในหลายส่วน เพราะถึงโปรแกรมที่เราสนใจจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ 100% แต่การใช้ชีวิตก็ยังคงเป็นภาษาจีน บวกกับเราไม่ได้จบสายที่เกี่ยวข้องมาโดยตรง ก็ยิ่งทำให้เรากังวลว่าจะเรียนได้ไหม แต่ละโปรแกรมแต่ละมหาวิทยาลัยมีวิชาบังคับอะไรบ้าง วิชาเลือกอะไรบ้าง เราอยากลงเรียนวิชาไหนบ้าง เราอยากจะเรียนต่อด้านนี้จริงๆ ใช่ไหม นอกจากนี้ก็ยังคิดชั่งน้ำหนักกับโปรแกรม MBA ในประเทศอื่นๆ ด้วย เราเลยใช้เวลาส่วนนี้เยอะ เพื่อที่จะตอบตัวเองอย่างมั่นใจว่าเราอยากมาเรียนต่อที่ไต้หวันจริงๆ แต่พอตัดสินใจได้แล้ว เรื่องการเตรียมตัวส่วนตัวนุชว่าไม่นานเท่าไหร่ค่ะ อาจจะใช้เวลาบ้างนิดหน่อยกับการเตรียมเอกสารบางอย่าง การขอใบรับรอง การเขียน Essay เขียน Study plan ก็สามารถขอคำปรึกษาจาก Taipei Connection ได้ ทำให้รู้สึกว่าขั้นตอนการเตรียมเอกสารไปจนถึงการเตรียมตัวก่อนมาเรียนไม่ยุ่งยากเลยค่ะ
2.) ทำไมถึงเลือกให้เราดูแล
ที่เลือกหาเอเจนซี่เพราะอยากได้คำแนะนำที่เราไม่สามารถหาเองได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต หรือเรื่องเล็กน้อยที่ควรหรือไม่ควรทำ การจัดเตรียมเอกสารที่หากเราทำเองอาจจะพลาดบางอย่างไป เลยได้ลองหารีวิวและเจอ Taipei Connection จึงลองส่งข้อความไปเพื่อขอคำปรึกษาเบื้องต้น หลังจากนั้นพอตัดสินใจจะสมัครเรียน ทาง Taipei Connection ก็ช่วยเหลือในทุกๆ ด้านเลยค่ะ
3.) พี่ๆช่วยดูแลอะไรบ้างคะ
ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาตั้งแต่การเลือกมหาวิทยาลัยเลยค่ะ คณะที่เราสนใจ ควรสมัครที่ไหนดี เอกสารต้องใช้อะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร ช่วยตรวจสอบเอกสารการสมัครทุกอย่าง สมัครเรียนให้ จัดการเอกสารเรื่องวีซ่า ไปจนถึงจัดรถรับส่งเราถึงหอเลย หรือแม้แต่เราควรเตรียมอะไรมาบ้าง อะไรที่ไม่ควรเอามา ให้คำแนะนำในการใช้ขนส่งสาธารณะ หรือหากเรามาถึงแล้วมีคำถามที่เราไม่รู้หรือไม่แน่ใจว่าต้องไปติดต่อสอบถามที่ไหน ก็สามารถสอบถามได้ตลอด Dot Education ดูแลทุกขั้นตอนจริงๆ ค่ะ ซึ่งมันช่วยลดความกังวลในการมาเรียนต่อ ในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้มาก
4.) มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนจะมาเรียนต่อไต้หวันไหมคะ?
ใครที่ยังกังวล หรือไม่แน่ใจ ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ คนที่นี่ไนซ์กับคนต่างชาติมากๆ และด้วยความที่เป็นประเทศในเอเชีย เวลาต่างจากไทยแค่ชั่วโมงเดียวทำให้ปรับตัวได้ไม่ยากเลย การเรียนการสอนได้มาตรฐานมีทั้งโปรแกรมภาษาจีน และภาษาอังกฤษ หากไม่รู้ต้องเตรียมตัวอย่างไร เลือกมหาวิทยาลัยไหนดีก็สามารถมาขอคำปรึกษาจาก Dot Education ได้ค่ะ