กว่าจะมาเป็น ตัวอักษรจีน
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศมี่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานกว่า 5000ปี แล้วตัวอักษรจีนหล่ะ มีที่มายังไง ใครประดิษฐ์ขึ้นมากันนะ น้องๆ อยากรู้กันไหมคะ วันนี้พี่ๆ ดอท จะพาน้องท่องประวัติศาสตร์ที่มาของอักษรจีนกัน ว่าตัวอักษรจีนนั้นมีความเป็นมายังไง และยังถูกใช้จนมาถึงในปัจจุบันรึป่าวน้า เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะคะ ตามกันเล้ยย
อักษรกระดองเต่า 甲骨文
อักษรบนกระดูกสัตว์เป็นอักษรโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด อักษรนี้เริ่มใช้ในสมัยปลายราชวงศ์ซาง(1600 – 1046 ปีก่อนคริสตกาล) เพื่อใช้ในการบันทึก ทำนายดวงชะตา โดยการสลักตัวอักษรไว้บนกระดูกสัตว์หรือกระดองเต่าค่ะ ซึ่งตัวอักษรจะมีลักษณะคล้ายอักษรภาพ สามารถเข้าใจความหมายของแต่ละตัวอักษรได้ง่าย รูปแบบอักษรจะเรียวบางไม่โค้งมนเนื่องจากใช้การแกะสลัก นอกจากนี้ตัวอักษรยังมีความสมมาตรและชัดเจน โดยการแกะสลักอักษรกระดองเต่าแสดงให้เห็นถึงศิลปะการเขียนอักษรที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยตัวอักษร การผสมคำและองค์ระกอบของความเรียง แสดงให้เห็นถึงการประดิษฐ์อักษรอย่างเป็นระบบ สะท้อนรากฐานสู่รูปแบบการพัฒนาตัวอักษรในปัจจุบัน
อักษรสำริดหรืออักษรโลหะ 金文
อักษรรูปแบบนี้มีความเป็นระเบียบกว่าอักษรกระดองเต่า ซึ่งเริ่มใช้ในสมัยราชวงศ์ซาง(1600 – 1046 ปีก่อนคริสตกาล) จนเป็นที่นิยมในสมัยราชวงศ์โจว (1046 – 256 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีการใช้เครื่องสำริดกันอย่างแพร่หลาย ทำให้อักษรนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ 钟鼎文 หมายถึงอักษรที่หลอมลงบนภาชนะทองเหลืองหรือสําริด ภาชนะสําริดในยุคนั้นมคือ鼎 กระถางสามขา และบน 钟 ระฆัง เนื้อหาที่บันทึกโดยมาจะเกี่ยวกับพิธีเซ่นไหว้ ราชโองการ บันทึกการรบ การทำสัญญา เป็นต้น ซึ่งสะท้อนการดำเนินชีวิตของยุคสมัยนั้นค่ะ เนื่องจากตัวอักษรสำริดใช้โลหะหลอมหรือการสลักลงบนผิวโลหะจึงได้รูปแบบที่มีเอกลักษณ์ มีความหนา โค้งมนและเป็นกลุ่มก้อนมากกว่าอักษรกระดองเต่าอีกด้วย
อักษรเสี่ยวจ้วน 小篆
อักษรเสี่ยวจ้วนได้ถูกคิดค้นขึ้น ในสมัยของจักรพรรดิจิ๋นซี ช่วงที่รวบรวมแผ่นดินได้ในปี ค.ศ. 221 จึงได้มีนโยบายปฏิรูปและวางรากฐานตัวอักษรให้ใช้เหมือนกันทั่วแผ่นดินจีน โดยนำอักษรต้าจ้วน 大篆 ที่ชาวฉินนิยมใช้ มาปรับให้มีความเรียบง่ายมากขึ้นจนเป็นที่นิยมแพร่หลายในสมัยนั้น อักษรจ้วนมีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงสูง มีรูปแบบการเขียนที่เป็นระบบ ทั้งเส้นขีด โครงสร้างที่ชัดเจน อักษรทุกตัวจะมีขนาดสม่ำเสมอกัน ลดความเป็นอักษรภาพให้หายไป ถือได้ว่าการปฏิรูปตัวอักษรที่ถูกนำมาใช้ทั่วแผ่นดินจีนเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว
อักษรลี่ซู หรืออักษรทาส隶书
อักษรลี่ซูได้ถูกพัฒนามาจากอักษรเสี่ยวจ้วน ซึ่งเริ่มใช้อักษรนี้ในสมัยราชวงศ์ฉิน และเป็นที่นิยมสูงสุดในสมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสศักราช – ค.ศ.220) ที่อักษรนี้ถูกเรียกว่าอักษรทาส มีตำนานเล่าว่า อักษรนี้ถูกสร้างขึ้นโดยทาสในเรือนจำคนหนึ่ง นามว่า ’เฉิงเหมี่ยว’ ซึ่งเขานั้นเห็นว่าการเขียนอักษรเสี่ยวจ้วนนั้นใช้เวลา ทำให้เสียเวลาการทำงาน จึงคิดเขียนอักษรแบบใหม่ให้เขียนได้รวดเร็วกว่าเดิมขึ้นมาและใช้เฉพาะในเรือนจำเท่านั้น จนต่อมาอักษรนี้ถูกเรียกว่า ‘ลี่ซู‘ คำว่า ’ลี่‘ (隶) แปลว่าทาส และถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทดแทนอักษรเสี่ยวจ้วนในที่สุด อักษรลี่ซูนั้น มีการเปลี่ยนลายเส้นจากเส้นโค้ง มาเป็นเส้นตรง และส่วนที่กลมมาเป็นหักมุม เน้นความเรียบง่าย ในสมัยฉินจัดเป็นอักษรไม่เป็นทางการ เมื่อมีการพัฒนาการเขียนอักษรลี่ซูมาเรื่อยๆ จนถึงราชวงศ์ฮั่นเรียกว่า 汉隶 ซึ่งเน้นการเขียนที่สวยงาม ประณีต จนปลายราชวงศ์ฮั่น อักษร汉隶 จึงมีเหลี่ยมมุมสวยงามคมชัดมากยิ่งขึ้น
อักษรข่ายซู 楷书
อักษรช่ายซูถูกพัฒนามาจากอักษรลี่ซู โดยมีการเขียที่ประณีตบรรจงมากขึ้น เรียกอีกอย่างว่า 真书 (อักษรจริง) หรือ 正书 (อักษรบรรจง) ถือได้ว่าอักษรนี้เป็นอักษรต้นแบบในรูปแบบมาตรฐานใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งคำว่า ‘楷’ อ่านว่า ข่าย มีความหมายว่าแบบฉบับหรือตัวอย่าง อักษรข่ายซูมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขีดของอักษรจะเป็นระเบียบ เส้นพู่กันนั้นชัดเจน หลุดพ้นจากรูปแบบอักษรภาพของตัวอักขระยุคโบราณโดยสิ้นเชิง อักษรข่ายซูเริ่มต้นในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ภายหลังราชวงศ์วุ่ยจิ้น (สามก๊ก) (คริสตศักราช 220 – 316) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จากการพัฒนาก้าวข้ามข้อจำกัดของลายเส้นที่มาจากการแกะสลัก จนสมัยราชวงศ์ถัง(คริสตศักราช 618 – 907) จึงก้าวสู่ยุคทองของอักษรข่ายซูอย่างแท้จริง จนอักษรข่ายซู่ยังถือเป็นอักษรมาตรฐานของจีนมาถึงปัจจุบัน
อักษรเฉ่าซูหรืออักษรหวัด 草书
อักษรเฉ่าซูเกิดจากการเขียนด้วยความรวดเร็วและหวัดโดยพัฒนา มาจากอักษรลี่ซูแบบหวัด จนในสมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสศักราช – ค.ศ.220) อักษรแบบหวัดนี้จึงถูกเรียกว่า อักษรเฉ่าซู 草书 อย่างเป็นทางการ คำว่า ‘เฉ่า‘ (草) ในภาษาจีนหมายถึง อย่างลวก ๆหรืออย่างหยาบ การเขียนอักษรนี้เพื่อให้รวดเร็วจึงเกิดจากการเขียนลายเส้นที่มีแต่เดิมมาย่นย่อเหลือเพียงเส้นเดียว ฉีกกรอบรูปแบบสี่เหลี่ยมเดิมของในการเขียนอักษรจีนแบบมาตราตัวบรรจงแต่อักษร 草书 ใช้ เพียง 2 – 3 ขีดก็กลายเป็นอักษรขึ้นมาได้เช่นกันค่ะ
อักษรสิงซู 行书
อักษรสิงซูหรืออักษรหวัดแกมบรรจง เป็นอักษรกึ่งกลางระหว่างอักษรข่ายซู 楷书 และอักษรเฉาซู 草书 อักษรสิงซูเกิดขึ้นในราวปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ได้รวบรวมเอาจุดเด่นของอักษรข่ายซูและเฉ่าซู เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งสามารถแบ่งอักษรสิงซูได้ 2 ประเภท ตามลักษณะการเขียน หากเขียนได้บรรจงมากหน่อยจะเรียกว่า สิงข่าย行楷 และถ้ามีความหวัดมากกว่าก็จะเรียกว่า สิงเฉ่า 行草 ค่ะ
นักประวัติศาสตร์ได้แบ่ง อักษรโบราณกับอักษรปัจจุบัน โดยให้ อักษรลี่ซู 隶书 เป็นเส้นแบ่งระหว่างอักษรรุ่นเก่ากับอักษรรุ่นใหม่ค่ะ ยุคสมัยที่ถือเป็นอักษรโบราณได้แก่ อักษรกระดองเต่า甲骨文、อักษรสำริด金文、อักษรเสี่ยวจ้วน小篆 ยุคสมัยที่ถือเป็นอักษรยุคปัจจุบันได้แก่ อักษรเสี่ยวจ้วน隶书 และ อักษรข่ายซู楷书 ส่วนอักษร อักษรเฉ่าซู่草书 และ อักษรสิงซู 行书 นั้นถือเป็นเพียงการพัฒนารูปแบบตัวอักษรไม่ใช่วิวัฒนาการของตัวอักษรจีนโดยรวมค่ะ
น้องๆ ได้ทราบเกี่ยวกับที่มาที่ไปของตัวอักษรจีนกันแล้วใช่ไหมค่ะ แล้วอักษรจีนที่ใช้ในประเทศจีนปัจจุบันนี้ล่ะ หน้าตาออกจะไม่คล้ายตัวอักษรจีนที่ใช้เรียนกันในหลักสูตรของประเทศจีนปัจจุบันสักเท่าไหร่ หากน้องๆ คนไหนสงสัยละก็ช่างสังเกตจริงๆ ใช่ค่ะ ตัวอักษรจีนที่ใช้ในประเทศจีนปัจจุบัน เป็นตัวอักษรจีนที่เรียกว่า อักษรตัวย่อ หรืออักษรตัวตัด นั่นเอง
ระบบอักษรจีนตัวย่อนั้นถูกริเริ่มขึ้นตั้งแต่ในปี ค.ศ.1956 เนื่องจากความขัดแย้งของลัทธิทางการเมือง แต่เนื่องจากระหว่างนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น จนเป็นเหตุให้กว่าจะได้การรับรองภาษาจีนตัวย่อ เข้าเป็นภาษาสากลอย่างเป็นทางการ โดยการรับรองของสหประชาชาติก็ ล่วงมาในปี ค.ศ.1971 จากนั้นมาอักษรจีนตัวย่อก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันในประชาคมโลก กระแสความนิยมในการใช้อักษรจีนตัวย่อได้แพร่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นใหญ่ อย่างไรก็ตาม อักษรจีนตัวเต็มรูปแบบดั้งเดิม (อักษรช่ายซู 楷书) ยังใช้ในเกาะไต้หวันและกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ยังคงยืนยันที่จะใช้อักษรจีนตัวเต็มต่อไปตามเดิม
เป็นยังไงกันบ้างค่ะน้องๆ ถูกใจเรื่องราวที่มาของตัวอักษรจีนที่พี่ๆ ดอท นำมาบอกเล่ากันไหมเอ่ย จากนี้เวลาน้องๆ เรียนภาษาจีน คงจะทราบถึงที่มาของตัวอักษรจีนและมีกำลังใจที่จะเรียนภาษาจีนมากขึ้นนะคะ หากอยากสัมผัสกับภาษาจีนมากยิ่งขึ้น ก็ควรลองเดินทางไปเรียนต่อที่จีน จะเรียนภาษาจีนระยะสั้น อย่างเรียนซัมเมอร์แคมป์ที่จีน หรือเรียนภาษาจีนหลักสูตรระยะสั้น ก็จะทำให้สามารภใช้ภาษาจีนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ แล้วไว้พบกับพี่ๆ ดอทได้ใหม่ในเรื่องราวถัดไปนะคะ บ๊าย บาย…
สนใจเรียนหลักสูตรภาษาจีนระยะสั้น หรือซัมเมอร์เเคมป์ที่ประเทศจีน
สามารถสอบถามพี่ๆ Dot ได้เลย
ที่มา:
https://www.arsomsiam.com/evolution-of-chinese-characters/
https://www.blockdit.com/posts/5ecde3bf4e97dd3fca306643
https://pukanjeen56.wordpress.com/
https://mgronline.com/china/detail/9470000084493
ที่มาภาพ:
https://thai.cri.cn/247/2017/12/27/233s262292.htm
https://baike.baidu.com/item/金文/3464
https://www.merit-times.com.tw/NewsPage.aspx?unid=296000
https://icalligraphy.blogspot.com/2012/11/model-calligraphic-works-of-lishu.html
https://zh.m.wikipedia.org/zh-cn/楷书#/media/File%3AKaishuOuyangxun.jpg
https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=feb21778077c23baa353be98
https://www.arsomsiam.com/evolution-of-chinese-characters/
https://www.maoyouhe.com/archives/27446
https://www.silpa-mag.com/history/article_66873